วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2561

[BNK48 Reviews] เมื่อวันหนึ่งฉันต้องไปงาน 2shot / ภาพ 1 ใบมีหลายเรื่องราว

//// 2 Shot ////
2shot ที่หมายความว่า มีคน2คนในชอตเดียว
(ไม่ได้หมายความว่า ได้ถ่าย 2 ครั้ง ตามที่ผู้บริหารวงไอดอลชื่อดังของไทยคนนึงได้กล่าวไว้)


จริงบอกก่อนด้วยความที่เราเป็นคนไม่ชอบถ่ายรูปเอามากๆๆๆ
เวลามีงานอะไร ก็จะพยายามเลี่ยง ไม่อยากอยู่ในกล้อง
ไม่อยากใดๆทั้งสิ้น ไม่ชอบปั้นหน้า 5555
ตอน BNK48 เปิดให้ซื้ออัลบัมทูชอต
ก็เลยแบบซื้อแผ่นเดียวพอ
เอาให้คิดซะว่า ได้ถ่ายซักรูป
พอเป็นพิธีให้ถือว่ามาร่วมงานละกัน

แต่ความตลกคือ
คือ
คือ
คือ
ไอ้ซีดีที่ซื้อ ดันให้บัตรทูชอตมา 2 ใบ 5555555555 
ดวงหรือนี่กะไร แต่ก็กลายเป็นว่าเออ
ได้ถ่าย 2 ใบนั่นแหละ ก็ตลกดี

และเมื่อถึงวันงานหลังจากไปถ่ายใบแรก
ก็พบ Bug ในการถ่ายทูชอตว่า
มันได้คุย ได้เจอ นานกว่าบัตรจับมือ 1 ใบอีก
เฉลี่ยบัตรทูชอตใบนึง ได้คุประมาณ 20 วิ +/- เล็กน้อย
เลยมองว่า เออ มันคุ้มแฮะ ถึงเราไม่ได้อยากถ่ายรูป
แต่มันก็ได้เจอกันนะ ก็เลยไปหาซื้อบัตรต่อ
มาประมาณ 10 ใบ...................


(ถึงคีย์จะไมไ่ด้อยู่ที่การถ่ายรูป แต่ก็ต้องมานั่งเครียดคิดท่าถ่ายรูปอีกอยู่ดี)พอได้ถ่ายจริง เลยมีรูปประหลาดๆ แปลกๆโผล่มาเยอะเลย 5555

หลังจากถ่ายมาทั้งหมดก็เลยมาไล่ดูรูป
และจัดอันดับรูปที่เราชอบที่สุด
ซัก 5 รูปดีกว่า ว่าเป็นรูปไหนบ้าง
ซึ่งจริงๆเราก็ลงใน Twitter ไปเยอะแล้วล่ะ
แต่ก็อยากมาเขียนเก็บไว้เป็นความทรงจำ


------------------------------------------------------------------------------
มาเริ่ม !!!!!

อันดับ 5 

จริงๆท่านี้มันผิดแผนไปหน่อย เราตั้งใจให้แบบทำท่าชะเง้อหา
แล้วให้เนยหลบ แต่กลายเป็นว่ามันดูเหมือน
เราจะพูดไรซักอย่าง
แล้วเนยก็เอามือปิดหู คิดในใจว่า

"ทนฟังไม่ได้โว้ยยยยยย"

เลยรู้สึกว่ากลายเป็นรูปผิดซีนที่น่ารัก และดูเอาไปทำมีมได้ดี 5555



------------------------------------------------------------------------------------

 อันดับ 4

ชอตต่อเนื่อง จริงๆมันเกิดจากรูปล่างก่อน
คือเรากะว่าให้เอาผ้าปูโต๊ะมาปิดหน้า แต่พอสตาฟนับ
1
2
3
ไอ้ชอตที่ 3 เนยมันก็ชะโงกหน้ามาพอดี เลยคิดว่าเออมันเป็นรูปที่น่ารักดี
เลยไปถ่ายอีกแบบ ให้มันดูว่า ต่อเนื่องกันดีกว่า

เลยทำให้รูปนี้ เป็น 1รูปที่เรารู้สึกว่ามีความทะเล้นอยู่นิดหน่อยดี


-------------------------------------------------------------------------------------------

อันดับ 3

รูปนี้ก็เข้าไปแกล้งอีกแหละ พอเข้าไปบอกเนยว่า
ทำหน้าให้สวยที่สุดอ่ะ อยากถ่ายรูปดีๆสวยๆมั้ง พอมันตั้งหน้า
เก๊กหน้าก็เลยเอามาหมวกมาปิด ก็แอบบมี จิ๊ปากหน่อยๆ

ส่วนพี่สตาฟก็บอกว่า เนยรูปนี้สวยที่สุดละ 55555

ปล.จะอวดหมวกด้วยแหละเอาจริงๆ........


--------------------------------------------------------------------------

อันดับ 2

ภาพนี้ไม่มีคำอธิบายไรเลย คือบอกไปแค่ว่าทำไรก็ทำ
เดี๋ยวเราหันหลังแค่นั้นแหละ
ก็ไม่เห็นหรอกว่าเนยมันทำหน้ายังไง
แต่พอถ่ายเสร็จมาดูรูป ก็ถึงเห็นว่าเออ น่ารักดี
อารมณ์แบบ

"ชั้นละเบื่อแกจริงๆ"


ไรแบบนี้มั้ง 55555


---------------------------------------------------------

อันดับ 1

ที่ให้รูปนี้ เพราะรู้สึกว่ามันเป็นรุปอะไรที่ธรรมชาติสุดละ
เวลาย้อนมาดูรูปนี้มันจะนึกถึงเรื่องราวตอนถ่ายทุกที
ซึ่งก็ไม่มีไรมาก เราเข้าไปบอกเนยว่า
เอาหมวกมาปิดหน้าได้ไหม
เนยมันก็ทำหน้าแล้วพูดแบบ

"แต่งหน้ามาสวยๆ ให้ปิดหน้าอีกละ"

เราก็อื้มๆก็ปิดทั้งคู่แหละ แต่พอสตาฟกำลังนับ
1
2
3
ก็เดาว่าเดี๋ยวมันต้องเอาหมวกออกแน่ๆ
ซึ่งก็จริง เลยรีบเอามือดันหมวกมันไว้
มันเลยดูกลายเป็นรูปที่แบบ
ตั้งใจ+เผลอๆ+ยิ้มๆ ซึ่งกลายเป็นอะไรที่ ธรรมชาติที่สุดเลย



-------------------------------------------------------------

ก็หมดและ นี่ก็เลือกภาพที่คิดว่าชอบที่สุดมา
ซึ่งภาพอื่นหลายๆภาพก็ชอบแหละ
แต่สิ่งที่เราชอบในแต่ละภาพมันคือเรื่องราวระหว่างภาพ
ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ซึ่งภาพมันเป็นแค่เหมือนกุญแจไขความจำว่าในนั้นมีอะไร
กุญแจเหมือนๆกัน ประตูเหมือนๆกัน
แต่เวลาไขเข้าไป สิ่งที่อยู่ในประตูแต่ละบานก็ไม่เหมือนกันหรอก

คิดว่าภาพถ่ายของทุกคนก็คงเป็นแบบนั้นเหมือนกัน
ต่อให้เป็นภาพยิ้มหันหน้าตรง ภาพรูปหัวใจ
แต่ว่าเรื่องราวระหว่างภาพของแต่ละคน
มันก็มีเพียงสองคนเท่านั้นที่รู้

แฮร่_______จบสวยป่ะ อิอิ


สวัสดีจ้าจ้า

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Girls don’t cry : ภายใต้ท้องฟ้าเดียวกัน คุณเห็นดาวดวงเดียวกับฉันไหม ?

Documentary of BNK48: Girls don’t cry
ภายใต้ท้องฟ้าเดียวกัน คุณเห็นดาวดวงเดียวกับฉันไหม ?





ไม่รู้ว่าด้วยความบังเอิญหรืออย่างไรกับหนังสารคดีของ BNK48 เรื่องนี้ ซึ่งตัวผมตั้งใจว่าคงจะไปดูช่วงวันท้ายๆ ก่อนจะออกจากโรง เพียงเพื่อต้องการเสพย์มันด้วยความเป็นส่วนตัวให้มากที่สุด แต่ก็มีเสียงปลายสายเข้ามาในโทรศัพท์ว่า วันนี้มีบัตรรอบสื่อมวลชนมาให้มาดูไหม ก็เลยทำให้ได้ไปดูวันแรกเช่นคนอื่นเค้า

สำหรับตัวหนังนั้น เนื่องด้วยที่มันเป็นสารคดีที่ทำมาจากชีวิตจริงที่ไม่ได้ปรุงแต่งของเหล่าเมมเบอร์ในวง บางเรื่องคุณอาจจะรู้อยู่แล้ว บางเรื่องคุณอาจจะได้รับรู้จากที่นี่ครั้งแรก ซึ่งเป็นงานของเต๋อ ที่จะทำให้ผู้ชมรู้สึกอินกับมันไปในทุกๆจุด
climax
ของเรื่องได้อย่างไร และทำยังไงที่ทำจะทำให้คนดูหลายกลุ่มไม่เบื่อและมีอารมณ์ร่วม ดังนั้นเนื้อเรื่องเลยถูกปูทางมาหนักๆ แค่ไม่กี่จุด ก่อนจะพยายามลากเส้นตรงไปให้ถึงตอนจบของหนัง และสอดแทรกด้วยบทตลกในบางตอน เพื่อทำให้คนที่กำลังหาวตื่นขึ้นมาดูอีกครั้ง


ในฐานะคนที่ตามวงมาพอสมควร มันจะมีช่วงหนึ่งของหนังที่เราอินเข้าไปในสิ่งที่เมมเบอร์เล่าและระบายออกมา ว่าเอ๊ะเราเป็นส่วนในความเศร้า หรือเป็นส่วนในปัญหาที่เค้าต้องเผชิญรึป่าว บางสิ่งบางอย่างที่เราต้องการ มันคือการทำให้เค้าหลุดจากตัวตนเค้ารึป่าว และเราชอบที่เค้าเป็นแบบนี้ หรือชอบที่เค้าเปลี่ยนเป็นแบบนี้เพราะเรากันแน่ ตรงนี้ต้องขอบคุณเต๋อที่ทำให้เราได้ย้อนกลับมามองตัวเองเหมือนกัน



ส่วนตัวหนังนั้นไม่สามารถกระจายบทลงสู่เมมเบอร์ต่างๆได้อย่างทั่วถึง ซึ่งมองไปมันก็เหมือนกับชีวิตจริงในวง สปอตไลท์มันถูกส่องไปแค่สมาชิกในวงบางกลุ่ม ขณะบางกลุ่มกลับมีเพียงแสงเทียนเล่มเล็กๆ และทำหน้าที่ได้แค่ประคองไม่ให้ดับ ดังนั้นในหนังคุณจะได้เห็นเรื่องราวหลักๆของเมมเบอร์เพียงไม่กี่คนเท่านั้น ซึ่งถ้าไม่ใช่คนที่คุณชอบ ก็อาจจะมีเบื่อๆกันไปบ้าง


แต่หลังจากดูหนังจบ และได้กลับมาคิดทบทวนสิ่งต่างๆที่เต๋อพยายามนำเสนอ ก็กลับรู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่าแค่เรื่องราวเบื้องลึกของเด็กผู้หญิงในวง แต่มันยังสะท้อนไปยังสังคมว่า แท้จริงแล้วเราให้ความสำคัญกับคนๆนึงที่อะไร เรามองเค้าเพราะอะไร สมมติให้คน 100 คน แหงนน่าขึ้นมองดาวบนฟ้า จะมีซักกี่คนที่จะมองเห็นดาวดวงเล็กๆ ที่แสงน้อย ดูไม่สวยงาม แต่หนังสารคดีของเต๋อเรื่องนี้ มันช่วยมอบแสงให้แก่ดาวดวงเล็กๆเหล่านั้น เพื่อหวังว่ามันจะเปล่งประกายและทำให้คนอื่นมองเห็นความพยายามของดาวดวงนั้นบ้าง


.....
ภายใต้ท้องฟ้าเดียวกัน คุณเห็นดาวของฉันรึยังนะ?



วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Kanteera's Diary ตอน 01 : Shonichi ที่รัก

Shonichi ที่รัก 

"ฉันรักที่จะยืนอยู่ตรงนี้
ตกหลุมรักกับเวทีท่ามกลางเสียงเชียร์"

.....................
"ต้องซ้อมต้องยากลำบากเพียงใด
กว่าฉันจะได้ก้าวผ่านกำแพงนี้ไป
จนถึงนาทีที่ฝัน เมื่อผ้าม่านนั้นเปิดให้ฉันแสดง"

ทุกคนคงรู้สินะคะว่าท่อนนี้มาจากเพลงไหน
ใช่แล้วมันมาจากเพลงโชนิจิ
เพลงแรกที่หนูได้รับเลือกเป็นเซนเตอร์นั่นเอง
และสองท่อนนั้นเป็นท่อนที่หนูคิดว่า
มันอธิบายตัวตนของหนูได้ดีที่สุดเลย

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

ในตอนที่ประกาศเซ็มบัตสึวันนั้น พอหนูชื่อหนูถูกประกาศออกมาว่า
ได้เป็นเซ็นเตอร์คู่กับน้องมิวสิค หนูบอกตรงๆว่าหนูดีใจ
จนทุกอย่างในหัวหนูแบล๊งค์ไปหมดเลย
ลงเวทีมาหนูถึงกับต้องไปถามพี่แก้วอีกครั้งว่า
ตกลงชื่อเพลงอะไรนะคะพี่แก้ว 55555




ณ วินาทีตอนนั้นความรู้สึกของหนูทุกอย่างมันเอ่อล้นไปหมด
รู้สึกว่าสิ่งที่หนูพยายามมาตลอดมันมีคนมองเห็น
และคนนั้นเค้าก็ยื่นโอกาสนั้นมาให้หนู ซึ่งหนูก็รู้นะ
ว่าโอกาสแบบนี้ไม่รู้จะกลับมาอีกครั้งเมื่อไหร่
หนูเลยสัญญาว่าหนูจะทำมันออกมาให้เต็มที่ๆสุด
หนูจะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง
ว่าตอนนั้นหนูทำอะไร ทำไมไม่พยายามกว่านี้

"เป็นคนเต้นไม่เป็น คนเดียวที่ไม่ทัน
ร้องไห้ตอนกลับบ้าน ซ้ำอยู่อย่างนั้นตั้งกี่ครั้ง"

"ร้องเพลงไม่เอาไหน ทำไม่ได้ดั่งใจ
ในบางวันก็สูญเสีย ทุกความมั่นใจไปมากมาย"

แต่วันนี้หนูพยายามจนได้เป็น เซ็นเตอร์แล้วนะทุกคน

-------------------------------------------------------------------------

หลังจากที่พวกเราต่างซ้อมร้องซ้อมเต้นกันมาอย่างหนัก
ผู้ใหญ่ก็ได้มาบอกเราว่า
ได้กำหนดการที่จะแสดงเพลง  "วันแรก" ครั้งแรกแล้วนะ
นั่นคือที่สนามราชมังคลาฯ !!!
ใช่แล้วตอนนั้นพวกเราตกใจมาก ที่การแสดงของพวกเรา
จะได้ไปแสดงในสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
แถมยังมีการถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศอีกต่างหาก
ส่วนหนูไม่ต้องถามนะคะว่าหนูตื่นเต้นแค่ไหน
ก็แค่คืนก่อนวันแสดง
หนูนอนไม่หลับเลยแค่นั้นเองค่ะ.....



และการแสดงวันนั้นก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่น
ซึ่งถ้าถามหนูว่าทำได้ดีไหม
หนูก็คิดว่าทำได้ดีนะ แต่หนูจะไม่หยุดแค่นี้หรอก
หนูจะทำมันให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆในทุกครั้งที่มีการแสดง
(หนูตั้งใจไว้อย่างนั้นจริงๆนะ )
-----------------------------------------------------------------

แต่หลังจากนั้น ไม่กี่วันพวกเราก็ต้องแสดงเพลงใหม่
 พอมีของใหม่ก็กลายเป็นว่าทุกคนลืมของเก่ากันหมดเลย
กระแสทั้งในอินเตอร์เน็ต ทุกคนพูดถึงแต่เพลงใหม่
จนบางครั้งหนูก็น้อยใจ ว่าทุกคนลืมไปรึป่าว
ว่าตอนนี้ยังอยู่ในช่วงโปรโมตเพลง"วันแรก"
ของหนูกับน้องมิวสิคอยู่เลยนะ

แต่ไม่เป็นไรหรอกเพราะถึงยังไงหนูก็จะพยายาม
และตั้งใจซ้อมเพลงของหนูให้ดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
แต่ยิ่งซ้อมมากเท่าไหร่ พยายามมากเท่าไหร่
หนูกลับคิดถึง ท่อนนึงของเพลงที่บอกว่า

"คำว่าพยายาม ไม่เคยทำร้ายสักคนที่ตั้งใจ"
นั้นไม่จริงเลย

หนูพยายามมากแค่ไหน เพลงนี้ก็ยังแทบไม่ถูกรับเลือก
ให้ได้รับไปแสดงตามงานอื่นๆอยู่ดี
จนหลายๆครั้งหนูก็โทษตัวเองว่า

"หรือหนูยังพยายามไม่มากพอนะ
และหนูต้องพยายามไปถึงแค่ไหน
ความพยายามที่ไม่มีคนมองเห็น
เรายังเรียกมันว่าความพยายามได้อยู่ไหม?"


ในขณะที่โชนิจิก็ยังไม่ได้ออกงาน
หนูก็เฝ้าถามเหตุผลกับตัวเองอยู่เสมอว่าทำไม
หนูถึงเป็นทุกข์กับมันขนาดนี้ ทั้งๆที่ก็มีเพลงมากมาย
ที่มันไม่ดังและไม่มีคนสนใจเหมือนเพลงนี้

จนในค่ำคืนหนึ่งหนูได้ตั้งใจฟังเพลงนี้อย่างละเอียด
ทำความเข้าใจอย่างละเอียด แล้วหนูก็เข้าใจเหตุผลว่า
ที่หนูอยากแสดงเพลงนี้ให้ทุกคนได้ดูไม่ใช่เพราะหนูอยากดัง

แต่เพราะเพลงนี้มันอธิบายถึงตัวตนทั้งหมดของหนู
ออกมาเป็นเสียงเพลง
หนูอยากให้ทุกคนได้เข้าใจตัวตนของหนู
เหมือนที่หนูอินกับเพลงนี้ทุกครั้งที่ได้ร้องมัน

"หนูตกหลุมรักที่จะยืนอยู่บนเวที
และทำการแสดงให้ทุกคนได้เห็น 
ไม่ว่าหนูจะต้องซ้อมหนักแค่ไหน
หนูก็จะต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้

ในตอนแรกหนูเต้นไม่เป็น
ร้องเพลงไม่เก่ง
ทุกครั้งหนูจะกลับบ้านไปร้องไห้
และตัดพ้อกับตัวเองเสมอว่า...
ทำไมทำไม่ได้อย่างคนอื่นเค้า

และสุดท้ายหนูก็ได้เป็นเซ็นเตอร์
ซึ่งมันก็ต้องผ่านทั้งหยาดเหงื่อและน้ำตา
ไม่รู้มากมายเท่าไหร่
ซึ่งหยาดเหงื่อและน้ำตานั้นมันคือเส้นทาง
ที่นำไปสู่ความฝันของหนู "

สุดท้ายหนูก็ไม่รู้หรอกนะว่าเพลงนี้จะได้แสดงอีกครั้งเมื่อไหร่
ตอนไหน หรืออาจจะไม่ได้แสดงอีกแล้ว
แต่หนูก็อยากบอกทุกคนว่า
ตลอดความพยายามทั้งหมดของหนูที่มอบให้แก่เพลงนี้
มันจึงทำให้เพลงนี้ได้ชื่อว่าเป็นเพลงของหนู

"รุ่นพี่สร้างไว้ได้ดีแค่ไหน
แต่ฉันก็จะสร้างสิ่งใหม่ให้ดียิ่งกว่า
ด้วยโชว์ที่สะดุดตา และได้ชื่อว่าเป็นโชว์ของฉันเอง"


.......โชนิจิที่รัก........
-----------------------------------------------------------------------
ศิลปิน: BNK48

ฉันรักที่จะยืนอยู่ตรงนี้
ตกหลุมรักกับเวที
ท่ามกลางเสียงเชียร์
และการปรบมือเหล่านั้น
ที่มีให้ฉันทุกอย่างคือความเร่าร้อน

ต้องซ้อมต้องยากลำบากเพียงใด
กว่าฉันจะได้ก้าวผ่านกำแพงนี้ไป
จนถึงนาทีที่ฝัน
เมื่อผ้าม่านนั้นเปิดให้ฉันแสดง

เป็นคนเต้นไม่เป็น
คนเดียวที่ไม่ทัน
ร้องไห้ตอนกลับบ้าน
ซ้ำอยู่อย่างนั้นตั้งกี่ครั้ง
ร้องเพลงไม่เอาไหน
ทำไม่ได้ดั่งใจ
ในบางวันก็สูญเสีย
ทุกความมั่นใจไปมากมาย
คนอื่นๆเมื่อมองไปเมื่อไร
ก็ดูจะเปล่งประกายกว่าฉัน

ความฝันต้องเกิดหยาดเหงื่อจึงได้มา
ใช้เวลาและค่อยเป็นค่อยไป
ดอกไม้จึงบาน
คำว่าพยายาม
ไม่เคยทำร้ายสักคนที่ตั้งใจ
ความฝันเท่ากับหยาดเหงื่อรินรดไป
เพื่อให้เหล่าเมล็ดพันธุ์
นั้นเติบโตและสูงใหญ่
และคงต้องมีสักวัน
จะได้ดั่งใจสมปรารถนา

ไฟบนเวทีและสปอตไลท์
เปลี่ยนค่ำคืนที่มืดลงไปให้โลกทั้งใบ
คืนมาซึ่งความสดใส
เหมือนแสงอาทิตย์สว่างในใจของฉัน
รุ่นพี่สร้างไว้ได้ดีแค่ไหน
แต่ฉันก็จะสร้างสิ่งใหม่ให้ดียิ่งกว่า
ด้วยโชว์ที่สะดุดตา
และได้ชื่อว่าเป็นโชว์ของฉันเอง

วันที่ต้องหยุดพัก
เพราะร่างกายรับไม่ไหว
วันที่ต้องเจ็บใจ
จนแอบไปสะอื้นกี่ครั้ง
ไปโรงเรียนอยู่แล้ว
ซ้อมก็ยังต้องไป
ภาระในจิตใจ
เริ่มจะหนักเกินไปทุกๆวัน
แล้วจู่ๆเสียงก้องในใจ
อังกอร์จากใครกำลังเรียกฉัน

ความฝันเริ่มจากหยาดเหงื่อและน้ำตา
เหมือนยิ้มจากดอกไม้
ที่งดงามยามที่ฝนซา
ผลิบานไม่โรยรา
เพราะมีวันนี้ด้วยความพยายาม
ความฝันนั้นเป็นบ่อเกิดแห่งน้ำตา
ที่ไม่เคยจะยอมแพ้ต่อเภทภัย
ลมฝนกระหน่ำ
และคำวิงวอนทุกอย่าง
จะส่งให้บนฟ้าได้รับรู้

เต้นกันสุดชีวิตทุ่มเทลงไป
ร้องกันสุดชีวิตสื่อด้วยหัวใจ
เพราะรักจริงใช่ไหมจงอย่าลืมมัน
ใส่ลงไปทุกอย่างมีแรงเท่าไร
Oh

ความฝันต้องเกิดหยาดเหงื่อจึงได้มา
ใช้เวลาและค่อยเป็นค่อยไป
ดอกไม้จึงบาน
คำว่าพยายาม
ไม่เคยทำร้ายสักคนที่ตั้งใจ
ความฝันเท่ากับหยาดเหงื่อรินรดไป
เพื่อให้เหล่าเมล็ดพันธุ์
นั้นเติบโตและสูงใหญ่
และคงต้องมีสักวัน
จะได้ดั่งใจสมปรารถนา


วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2561

[ NOEY BNK48 ] จากเด็กสาวธรรมดา สู่ธิดางานจับมือ..... และไอดอลสายบวก

ก็จบลงไปเรียบร้อย สำหรับงานจับมือ
ในซิงเกิ้ล Shonichi ของ BNK48 ทั้ง 2 วัน

ซึ่งก็มีเรื่องน่าประหลาดใจที่ทำให้นำมาพูดถึงกันนิดๆนั่นคือ
แถวต่อจับมือที่คนแทบจะเยอะที่สุดในงาน1ในนั้นเป็นแถวของ

"เนย"


ที่บอกน่าประหลาดใจนิดๆก็เพราะ จากงานที่ผ่านๆมา
แถวของเนย ก็แทบจะเป็น 1 ในแถวที่คนเยอะสุดมาหลายงาน
จนวันสุดท้ายที่ให้เมมเบอร์ทุกคนต่อแถวพร้อมกัน ก็พบว่า
แถวของเนยล้นออกมาจากเลน ถึง 3-4 แถว ซึ่งน่าจะเป็นคนที่เยอะสุดในงานแล้ว
(เยอะเหมือนจ้างมา 55555555)

ถ้าย้อนนนนนนนนนนน ไปในช่วงเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว
คงไม่มีใครคิดว่าเด็กบ้านๆธรรมดา
ขี้อายนิดๆ เต้นไม่เป็น ร้องไม่เพราะ
วันนี้จะกลายมาเป็น 1 ในเมมเบอร์ที่แฟนๆอยากมาจับมือด้วย
มากที่สุดของวง
 


ซึ่งจากที่ลองๆคุยมาทั้งจากคนรู้จัก หรือคนที่ต่อแถวร่วมกันอย่างยาวนานในเลนจับมือ
ส่วนใหญ่ก็จะมี 2 เหตุผลหลักๆที่มาจับมือ หรือชอบเนย

1. สวย น่ารัก
(อันนี้น่าจะเหตุผลเบสิคละมั้ง และเมมเบอร์ทุกคนก็คงได้อันนี้กันทั้งนั้น)
2. เพราะขั้วบวกของเนย

ข้อแรกขอข้ามไป มาพูดถึงข้อ 2
ความที่เป็นคนขั้วบวก ประจุบวก สายบวก
(ในที่นี้หมายถึงคนคิดบวกนะ 55555)


ถ้าเราได้ติดตามเนย จากหลายๆช่องทาง ไม่ว่าจะจาก VOOV จากไลฟ์ หรือรายการต่างๆ
เราจะเห็นความสุข เห็นพลังด้านบวก ออกมาจากเนยเสมอ
ไม่ว่าจะเรื่องเศ้รา เนยก็เปลี่ยนมันมาเป็นพลังงานบวกได้
หรือเรื่องแย่ๆ เนยก็ทำให้มันกลายมาเป็นพลังบวกแทนที่จะเป็นลบ





ซึ่งมันทำให้คนที่ติดตาม รู้สึกสบายใจและได้รับพลังนั้นไปด้วย
มันไม่ใช่แค่ว่าเปลี่ยนเรื่องแย่ๆของตัวเองให้มาเป็นพลังให้ตัวเอง
แต่พลังนั้นมันดันพุ่งไปหาแฟนๆด้วย ซึ่งทุกครั้งเราก็รู้สึกอย่างงี้ิ
ทำให้รู้สึกว่าเออ โลกมันก็แค่นี้นี่หว่า
ปัญหาหลายๆอย่างมันก็แค่นี้นี่หว่า อยู่ที่การปรับมุมมอง
แค่นั้นเอง  

นั่นเลยทำให้เลนจับมือของเนยมันเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข
ซึ่งการจะถึงจุดนี้มันก็ต้องใช้เวลาสะสมมาหลายวัน หลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน
ผ่านทางตัวตนของเนย ที่แสดงออกมาให้แฟนคลับได้เห็น

พอถึงงานจับมือมันเลยเป็นการมอบพลังบวกให้แก่กันระหว่างเนยกับแฟนคลับ
ตอบแทนซึ่งกันละกัน เราเคยได้รับอะไรจากเนย เราก็อยากตอบแทนให้ในงานจับมือ
กลายเป็นความสุขทั้งสองทางที่ได้รับและได้ให้ซึ่งกันและกัน 



หากถามว่าการจับมือเนยดีกว่าจับมือคนอื่นยังไง
เราก็คงตอบไม่ได้ เพราะเราแทบจะจับมือเนยคนเดียวมาโดยตลอด
(แน่นอนว่าแอบไปหาเด็กๆบ้างบางครั้ง.........)


แต่เรารู้สึกว่า มันพอ และมันพอดีละล่ะ ทำไมยังต้องไปไขว่คว้าหาอะไรที่มันดีขึ้นไปอีก
หยุดอยู่กับสิ่งที่มันพอดี และเหมาะกับตัวเราแค่นี้ก็พอแล้ว


ท้ายสุดใครยังไม่ได้มาลองจับมือเนย ก็อยากให้มาลองจับดูซักครั้ง
1-2 ชม. ที่ต่อมันอาจจะนาน แต่เชื่อเถอะ ผลลัพท์หลังจากนั้น
มันคุ้มค่าแก่การรอคอย :)



ขอยืมเนื้อเพลงท่อนนึงของ Ed Sheeran มาหน่อย

"I’m thinking ’bout how people fall in love in mysterious ways
Maybe just the touch of a hand"

"ฉันได้แต่คิดคร่ำครวญว่า คนเรานั้นตกหลุมรักกันได้อย่างไร
บางที่อาจจะเพียงแค่ สัมผัสมือกันก็ได้"


--------------------------------------------------------------------------------------------------------




เพิ่มเติมจากผู้เขียน 

จริงๆเรามีความคิดจะเขียนถึงเนยหลายทีละ
แต่พอตั้งต้นได้นิดนึงก็ไปต่อไม่ได้ก็เลยตันและหยุดกลางคันทุกที
ซึ่งเรื่องแปลกคือเวลาเราพูดถึงเนยให้คนรู้จักฟังเราพูดได้เป๋็นชั่วโมง
แต่พอมาถึงงานเขียน ซึ่งมันใส่ความรู้สึกได้ไม่เหมือนคำพูด
ก็เลยรู้สึกว่าทำไมอ่านสิ่งที่ตัวเองเขียน มันดูไม่สื่อถึงสิ่งที่คิดอยุ่เลย
จนมาครั้งนี้ที่ผ่านงานจับมือมาหยกๆ เลยรู้สึกว่าอาจจะไม่ต้องสื่อสารออกมาทั้งหมดก็ได้มั้ง ซึ่งมันก็ได้แค่นีี้แหละ งานหยาบๆที่ตั้งใจเขียนถึง รึป่าวนะ ? 555555  

ยังไงก็อยากให้มาลองจับมือเนย หรือมารับพลังงานบวกนี้ด้วยกันนะ Go Go Noey Go 

วันอาทิตย์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2561

[ Exclusive Interview ] สัมภาษณ์สุดพิเศษกับทามะ ทำไมถึงกลายมาเป็นคนสวนของน้องเคท BNK48 ?



ช่วยแนะนำตัวหน่อยครับ ?

ทามะ: สวัสดีครับ ถ้าเอาชื่อจริงๆคือชื่อตั้ม แต่หลายคนเรียกว่าทามะ บางคนก็เรียกเสี่ยเฉยๆ บางกลุ่มเรียกเสี่ยต. แต่เอาว่าจะเรียกไรก็เรียกไปครับ จริงๆแล้วคามิโอชิเนย แต่ไม่ค่อยชอบหวีดเนยลง SNS เท่าไหร่ ซึ่งถ้าตามทวิตก็จะเห็นว่าหวีดแต่น้องเคทซะเป็นส่วนมาก จนหลายคนคิดว่าคามิโอชิน้องเคท ถึงจะบอกว่าคามิเนย แต่ก็ชอบไปบอกกับคนอื่นว่า ผมตันเคทครับ 55555555 เอาว่าชอบทั้งคู่แหละ คนละอย่าง





เริ่มสนใจน้องเคทตอนไหนหรอ
?

ทามะ: คือต้องย้อนไปตั้งแต่จับมือ Japan expo น่าจะช่วงปลายเดือนสิงหาคมมั้ง ตอนนั้นบ่องตงตอนนั้นแทบไม่รู้ใจอะไรเคทเลย รู้แค่ว่าคนนี้เกลือๆ แต่ที่ได้เจอเพราะว่า มันเป็นงานจับมือกลุ่ม แล้วเคทยืนต่อจากเนยทุกรอบ เลยต้องเจอทุกรอบ ก่อนเจอนี่โคตรอึดอัด จริงๆอึดอัดหมดเลย เพราะไม่รู้จักใครเลย


หาน้องเคทเจอป่ะ......

เลยถูกใจจากการจับมือครั้งนั้น?



ทามะ: จริงๆก็ไม่เชิงถูกใจหรอก แต่พอไปจับก็รุ้สึกว่า น้องมันไม่เกลือหนิ เอาจริงๆน้องเอาใจใส่มากนะ ตอนนั้นเราวนหลายรอบ จนรอบนึงเราถามเด็กทีละคนเลย ว่ารู้ไหมรอบที่เท่าไหร่แล้ว มีเคทคนเดียวอ่ะที่ตอบได้ แล้วตอบแบบตั้งใจตอบด้วย เลยเห้ยไหนเกลือกลูโคสชัดๆ พอตอนวนหลายๆรอบตอนท้าย น้องนี่ดีดมาก แบบกระโดดดึ๊งๆ หัวเราะใหญ่ ยิ้มใหญ่ โบกไม้โบกมือใหญ่ เลยคิดว่ามันก็ต้องใช้เวลาแหละ ถ้าคนเราไม่แสร้งๆหน่อย มันไม่มีใครจะสนิทกับแฟนๆได้ขนาดนั้นหรอกมั้ง ทำให้รู้สึกว่า เด็กคนนี้แม่งเรียล ว่ะ 55555 ชอบ


แล้วหลังงานจับมือนั้นเป็นยังไงต่อครับ 
?


ทามะ: หลังงานนั้นหรอ โคตรเกลือเลย 5555555555 โดนเกลือใส่ทุกงานไม่ว่าจะยื่นเยอะ วนเยอะแค่ไหน งานล่าสุดนี่ โดนส่งมือไปให้เมมคนอื่นด้วย 5555555 แต่ยิ่งโดนยิ่งชอบ สนุกดี เราเหมือนกระท้อนอ่ะ ยิ่งทุบมาเรายิ่งหวานใส่ 






เอ้าาา แล้วทำไมถึงยังชอบอยู่อ่ะ 


ทามะ: จริงๆตามนิสัยของคน ถ้าคนเราอยู่กับอะไรมากๆ เราจะชอบมันมากขึ้นไปเรื่อยๆเอง แล้วบังเอิญกับก่อนหน้านี้เราออกมาจากด้อมๆนึง (จริงๆเรียกว่าถูกถีบก็ได้นะ....) แล้วเลยขอไปสิงอยู่ด้อมเคท พอไปอยู่ก็รู้สึกว่า เห้ย บรรยากาศแม่งต่างว่ะ คือเงียบมาก..... ไม่มีไรให้หวีด เพราะน้องไม่ค่อยมีงาน 555 จะโผล่มาหวีดพร้อมๆกันก็ตอนน้องอัพ IG ซึ่งก็ไม่ค่อยจะอัพอีก บรรยากาศห้องมันเลยดูชิวๆไปหมด

ซึ่งต่างกับด้อมของเมมใหญ่ๆ ที่คนเยอะๆ คุยกับสัพเพเหระ แฟนแต่ละคนพยายามทำตัวจะเป็น Someone กันเกินไป และก็คุยกันแต่เรื่องว่า ทำยังไงให้ความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆๆ จนเรารุ้สึกว่ามันเริ่มไม่ค่อยสนุกละ ไหนจะต้องผุดโปรเจคอะไรออกมาเยอะแยะไปหมด ตามไอดอล แค่หวีดๆ พอสนุกๆ เฉยๆไม่ได้หรอ? บ้านเคทเลยตอบโจทย์เลย ยิ่งอยู่ก็ยิ่งสนุก......


คิดว่าทำไมความนิยมของน้องเคทถึงไม่ค่อยดีเท่าคนอื่นๆ 


ทามะ: อันนี้พูดตรงๆว่ามันคือปัญหาของโครงสร้างของวงที่มีเมมเบอร์เยอะๆ ซึ่งมันกระจายความดังไปได้ไม่ทั่วถึงอยู่ละ แล้วยิ่งเมมที่ไม่ได้ติดเซมบัตสึเพลงหลัก ที่ไว้ใช้โปรโมต ยิ่งแทบไม่มีกิจกรรมให้ตัวเองได้ทำให้แฟนๆ หรือคนภายนอกเห็นความสามารถเลย

อีกจุดนึงก็คือด้วยตัวของน้องเคทเองด้วย จะเห็นว่าแทบเป็นคนที่อัพพวก IG Facebook แทบจะน้อยสุดในวงเลย อีกทั้งงานจับมือก็แทบไม่ทรีตแฟนตัวเองเลยด้วย ยิ่งแบบนี้ยิ่งตกแฟนคนอื่นยาก เป็นไอดอลที่ เรียลเกินนนนน 







อ้าวก็ตอนแรกเห็นบอกชอบน้องเพราะน้องเรียล แล้วสรุปมันดีหรือไม่ดี 


ทามะ: คือความเรียลมากๆเนี่ย มันก็มีทั้งดีทั้งไม่ดี คือคนที่ชอบก็จะแบบชอบไปเลย คนที่ไม่ชอบก็จะอารมณ์แบบอะไรของแกเนี่ยจะชิวไปรึป่าว ซึ่งมันอาจทำให้คนอื่นมองเหมือนว่าไม่พยายามก็ได้เลยนะ

แต่ถ้าถามเรา เราชอบที่เป็นแบบนี้แหละ มันดูแตกต่างจากคนอื่นดี ง่ายๆลองคิดดูว่าถ้าทั้งโลกมีแต่สีชมพู สีฟ้า สีพาสเทล แน่นอนว่ามันดูสดใสแหละ แต่มันจะไม่เห็นความต่างไง มันจะดูเหมือนๆกันหมด การมีสีอื่นที่แตกต่างเข้ามา มันเป็นการช่วยเติมสมดุลวง และบางครั้งมันยิ่งกระตุ้นให้ สีอื่นๆมันเด่นชัดขึ้นด้วย เลยมองว่าน้องเป็นแบบนี้แหละ ดีแล้ว เป็นไอดอลในแบบตัวเอง ในสีของตัวเองไม่ต้องเลียนแบบใคร  (ถ้าไม่มีเกลือ เราก็๋ไม่รู้หรอกว่าาน้ำตาลมันหวานแค่ไหน)



ข้อสุดท้าย จะฝากอะไรถึงน้องเคท หรือแฟนๆเมมเบอร์คนอื่นไหม 


ทามะ: สำหรับน้องเคท ก็อยากให้เป็นตัวของตัวเองไปแบบนี้แหละ (แต่เพิ่มเติมช่วยอัพ IG ถี่ขึ้นหน่อย แฟนๆเหงา 55555) ส่วนแฟนๆคนอื่น ก็อยากให้ลองมามองเด็กๆอันเดอร์บ้าง ซึ่งก็ไม่ได้หมายถึงน้องเคทคนเดียวหรอก แต่หมายถึงทุกๆคน คืออยากให้เห็นความพยายามของแต่ละคน อยากให้เอาใจช่วยกันและรอดูวันที่น้องๆจะไปถึงฝั่งฝัน



"เฝ้ารอดูวันที่เหล่าเมล็ดพันธุ์นั้นเติบโต และสูงใหญ่

และคงต้องมีสักวัน จะได้ดั่งใจสมปรารถนา"